ปัจจุบันเทคโนโลยีเกี่ยวกับยานยนต์ถูกพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ในท้องตลาดจึงมีรถยนต์ให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น รถ Eco car, รถ SUV, รถ Super Car รวมไปถึงรถ Convertible หรือรถเปิดประทุน ที่เป็นรถในฝันของใครหลายๆ คน สำหรับใครที่อยากซื้อรถเปิดประทุน วันนี้เรามีข้อดี-ข้อเสียของรถเปิดประทุนมาฝาก
รถเปิดประทุน คืออะไร?
รถเปิดประทุน หรือรถ Convertible คือรถที่สามารถเปิดและพับหลังคาเก็บได้ ซึ่งรถเปิดประทุนมีทั้งรถโรสเตอร์ขนาดเล็ก รถสปอร์ตขนาดกลาง และรถคูเป้ขนาดใหญ่ มีประตู 2 ประตู มีจำนวนที่นั่ง 2 และ 4 ที่ ขึ้นอยู่กับแต่รุ่นแต่ละยี่ห้อ
โดยส่วนใหญ่รถเปิดประทุน จะเป็นที่นิยมในประเทศฝั่งแถบทวีปยุโรปและอเมริกา เพราะเหมาะกับสภาพอากาศและการจราจรที่ไม่หนาแน่น แต่ด้วยอากาศในบ้านเรา ทำให้รถเปิดประทุนไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไหร่ แต่ก็ยังมีให้พบเห็นได้บ้างบนท้องถนน
ซื้อรถเปิดประทุนมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง?
ข้อดีของรถเปิดประทุน
- ดีไซน์สวย
สิ่งหนึ่งที่เป็นจุดเด่นของรถเปิดประทุนคือ มีดีไซน์ที่สวยงาม การออกแบบรูปทรงจะเน้นไปที่ความสปอร์ต ดูโฉบเฉี่ยว โดดเด่นเป็นที่น่าสนใจ
- วิสัยทัศน์ในการขับขี่ดีขึ้น
รถเปิดประทุนจะช่วยลดจุดบอดในการมองเห็นขณะขับขี่ เมื่อเปิดหลังคาออกจะไม่มีมุมทึบด้านข้าง ทำให้สามารถมองเห็นภายนอกได้อย่างเต็มที่
ข้อเสียของรถเปิดประทุน
- ไม่เหมาะกับสภาพอากาศในประเทศไทย
อย่างที่บอกว่ารถเปิดประทุนเหมาะกับการขับขี่ท่ามกลางอากาศที่เย็นสบาย ซึ่งหาได้น้อยมากๆ ในประเทศไทย เพราะบ้านเราส่วนใหญ่จะร้อนและร้อนมาก รถเปิดประทุนจึงไม่เหมาะเท่าไหร่
- ความสกปรกที่มาพร้อมฝุ่นละออง
รถเปิดประทุนเวลาที่เปิดหลังคา จะทำให้ฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกต่างๆ เข้ามาได้ง่าย ทำให้ภายในรถกลายเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคชั้นดี โดยเฉพาะการขับขี่ในกรุงเทพที่มีมลพิษสูง
รถเปิดประทุน ที่น่าสนใจมีรุ่นไหนบ้าง?
- Audi TT Roadster
Audi TT Roadster เป็นรถเปิดประทุนที่มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แต่งรอบคันด้วยชุดแต่ง S-Line ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร 1,984 ซีซี ให้พละกำลังสูงสุด 245 แรงม้า ที่ 4,500-6,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,600-4,300 รอบต่อนาที
ราคาเริ่มต้น : 3.799 ล้านบาท
- BMW Z4 Roadster
BMW Z4 Roadster รถเปิดประทุนสปอร์ตโรสเตอร์ ดีไซน์ให้ช่วงกระโปรงหน้าทรงยาวดูล้ำสมัย ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ที่ส่งพลัง 340 แรงม้า เร่งความเร็ว 0-100 ได้ภายใน 4.5 วินาทีเท่านั้น และยังมีฟังก์ชันที่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ด้วย
ราคาเริ่มต้น : 3.969 ล้านบาท
- Mercedes Benz SL Roadster
Mercedes Benz SL Roadster รถเปิดประทุนที่ถูกออกแบบมาให้มีความหรูหราตามสไตล์ Mercedes Benz มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ใช้เครื่องยนต์ V6 biturbo ความจุ 3.0 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 367 แรงม้า แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 500 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาเพียง 4.9 วินาทีเท่านั้น
ราคาเริ่มต้น : 4.09 ล้านบาท
- MAZDA MX-5
มาทางฝั่งรถเปิดประทุนสัญชาติญี่ปุ่นกันบ้าง Mazda MX-5 ถูกออกแบบให้เรียบง่ายแต่หรูหรา หลังคาเปิดประทุนด้วยระบบไฟฟ้า ใช้เครื่องยนต์เบนซิน SKYACTIV-G 2.0 ให้กำลังสูงสุด 184 แรงม้า ที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 205 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที สมรรถนะดีไม่แพ้รถยุโรปเลยทีเดียว
ราคาเริ่มต้น : 2.905 ล้านบาท
รถหรูราคาหลักหลายล้าน มักมาพร้อมค่าซ่อมมหาโหด เกิดอุบัติเหตุแต่ละทีเล่นเอาเสียวสันหลังกันเลยทีเดียว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เจ้าของรถ Convertible หรือรถเปิดประทุน ควรทำประกันรถยนต์ชั้น 1 เพราะถือเป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองสูงที่สุด แม้จะต้องแลกมาด้วยการจ่ายเบี้ยประกันในราคาสูง แต่เชื่อเถอะว่ามันคุ้มค่าที่จะลงทุน
ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย ได้ที่ www.rabbitcare.com เว็บไซต์ประกันรถยนต์ที่มีบริษัทประกันชั้นนำให้เลือกกว่า 30 บริษัท และยังมีทั้งข้อเสนอ โปรโมชั่นดีๆ เพียบ ช่วยให้คุณสามารถทำประกันรถยนต์ได้ในราคาประหยัด ขับดีไม่มีเคลม ปีต่อไปรับส่วนลดไปเลยสูงสุดถึง 70%